ทำความรู้จักกับประกันรถยนต์ภาคสมัครใจแต่ละประเภทกัน

Last updated: 27 มี.ค. 2565  |  731 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ทำความรู้จักกับประกันรถยนต์ภาคสมัครใจแต่ละประเภทกัน

การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ (Voluntary Motor Insurance)

การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ เป็นการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อ (ผู้เอาประกันภัย) และผู้ขาย (บริษัทประกันภัย) โดยเป็นการเลือกซื้อความคุ้มครองประกันภัยตามความพึงพอใจของผู้ซื้อ ซึ่งผู้ซื้อทำด้วยความสมัครใจ ไม่ได้ถูกบังคับโดยกฎหมาย

ประเภทกรมธรรม์ประกันภัย มีดังนี้

ประกันรถยนต์ประเภท 1

ประกันรถยนต์ประเภท 1 จัดเป็นประเภทที่มีความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด โดยคุณจะได้รับความคุ้มครองในเรื่องการสูญหาย ไฟไหม้ รวมถึงน้ำท่วม และความเสียหายต่อตัวรถยนต์จากอุบัติเหตุทุกกรณี ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดจากการกระทำของบุคคลภายนอก เจ้าของรถ หรือจากตัวผู้ขับขี่เอง แม้แต่กรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบรายละเอียดของการเกิดเหตุเลยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร มีลักษณะการเกิดเหตุอย่างไร ใครเป็นผู้กระทำ หรือเกิดเหตุที่ไหนก็ตาม (หรือเรียกง่ายๆ ว่าชนแบบไม่มีคู่กรณี) แต่ประกันภัยประเภท 1 นี้ ก็ยังคงให้ความคุ้มครองตามปกติเช่นกัน

เนื่องจากประกันรถยนต์ประเภท 1 มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด จึงทำให้เหมาะกับรถยนต์ที่มีลักษณะการใช้งานหลากหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น

  • ผู้ขับขี่มือใหม่หัดขับ ไม่ว่าจะเป็นรถคันใดยี่ห้อใดก็ตาม ถ้าผู้ขับขี่ยังไม่มีประสบการณ์ในการขับรถมาก รถคันนั้นจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นการทำประกันภัยประเภท 1 จึงถือว่าเหมาะสมกับผู้ขับขี่กลุ่มนี้มากที่สุด

  • รถป้ายแดง (รวมถึงรถที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี) ด้วยความใหม่ของรถ จึงเป็นรถที่มีความเสี่ยงสูง เพราะมีโอกาสหายมากกว่ารถเก่า และถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา เนื่องจากรถยนต์ยังใหม่อยู่ จะทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นรถที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี จึงกับการทำประกันรถยนต์ประเภท 1 มากที่สุดเช่นกัน

  • รถที่ใช้งานหนักหรือใช้งานเป็นประจำ การใช้งานรถในลักษณะนี้จะทำให้รถมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือความเสียหายต่อตัวรถที่สูงมาก เนื่องจากตัวรถถูกใช้งานอยู่บนถนนเกือบทุกวันและเกือบตลอดเวลา ดังนั้นการใช้งานรถยนต์ในลักษณะนี้ต้องได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุดเช่นเดียวกัน

ประกันรถยนต์ประเภท 5 (2+)

ประกันรถยนต์ประเภท 5 (2+) เป็นประกันภัยที่มีความคุ้มครองครอบคลุมรองลงมา โดยจะยังได้รับความคุ้มครองในกรณีรถสูญหาย หรือเกิดความเสียหายจากไฟไหม้รถ แต่จะต่างจากประเภท 1 ตรงที่ไม่มีความคุ้มครองในส่วนของความเสียหายทั่วไปต่อตัวรถ (กรณีที่ความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่การชนกับยานพาหนะทางบก - ชนแบบไม่มีคู่กรณี)

โดยประกันรถยนต์ประเภท 5 (2+) นั้นเหมาะกับรถที่ใช้งานเป็นประจำแต่จอดในพื้นที่เสี่ยง หรือรถที่ไม่มีที่จอดในที่ที่มีรั้วรอบขอบชิด เช่น จอดไว้หน้าบ้าน หรือผู้ที่อาศัยอยู่บ้านตึกแถว ทำให้เจ้าของรถยนต์จำเป็นต้องจอดรถริมถนน หรือจอดไว้ตามที่สาธารณะเป็นประจำ ดังนั้นหากไม่อยากทำประกันรถยนต์ประเภท 1 คุณก็สามารถทำประกันรถยนต์ประเภท 5 (2+) ได้เหมือนกัน และหากเกิดอุบัติเหตุชนกับรถคู่กรณีก็ยังคงได้รับความคุ้มครองสำหรับความเสียหายในส่วนนี้อีกด้วย

หมายเหตุ: กรณีรถชนรถชนแล้วกระจกแตก ประกันจะคุ้มครองความเสียหายของกระจกเช่นกัน แต่ไม่ครอบคลุมความเสียหาย 100 %

ประกันภัยรถยนต์ประเภท 5 (3+)

ประกันรถยนต์ประเภท 5 (3+) จะให้ความคุ้มครองเฉพาะความเสียหายสำหรับทรัพย์สินของคู่กรณี และความเสียหายของตัวรถเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นจากการชนกับยานพาหนะทางบก โดยจะไม่ได้รับคุ้มครองจากการที่รถสูญหายหรือถูกไฟไหม้ รวมถึงไม่คุ้มครองความเสียหายทั่วไปที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ (ไม่ทราบคู่กรณี) ดังนั้นประกันประเภท 5 (3+) นั้นจึงเหมาะกับรถประเภทต่าง ๆ ได้แก่

  • รถที่มีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป แม้จะเป็นรถเก่าแต่ก็จำเป็นต้องมีความคุ้มครองไว้ เนื่องจากการใช้งานโดยทั่วไปอาจสร้างความเสียหายให้กับคู่กรณีหรือบุคคลภายนอกได้หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ดังนั้นถึงแม้จะเป็นรถเก่าไม่ว่าจะกี่ปี ก็แนะนำให้ทำประกันภัยไว้จะดีกว่า สบายใจและอุ่นใจกว่าอีกด้วย

  • รถที่ใช้งานเป็นประจำแต่ไม่มีความเสี่ยงเรื่องสถานที่จอดรถ การนำรถไปใช้งานบนท้องถนนเป็นประจำนั้นย่อมมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นอยู่แล้ว แม้ว่าผู้ขับขี่จะขับขี่ด้วยความระมัดระวังก็ตาม แต่ก็มีโอกาสที่ผู้ใช้รถคนอื่น ๆ ที่ขับรถด้วยความประมาทจนทำให้เกิดความเสียหายแก่รถของผู้ขับขี่เองได้

ประกันรถยนต์ประเภท 2 และ 3

ปัจจุบันประกันรถยนต์ 2 ประเภทนี้ เริ่มไม่ได้รับความนิยมเนื่องจากมีความคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุม กล่าวคือหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา แม้จะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยมีคู่กรณีก็ตาม บริษัทประกันภัยก็จะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นของรถคันที่เอาประกันภัย และเมื่อนำความคุ้มครองของประเภท 5 (2+) หรือ 5 (3+) มาเปรียบเทียบกับประกันภัยทั้งสองประเภทนี้แล้ว ถือว่าประกันภัยประเภท 5 (2+) และ 5 (3+) จะคุ้มค่ากว่ามาก เนื่องจากจ่ายค่าเบี้ยเพิ่มขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย แต่รถคันดังกล่าวได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า 

 

อ่านจบแล้ว สนใจทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ มีแพคเกจ ราคาสุดคุ้มให้เลือก คลิกเลย >> https://cutt.ly/sDfknlm

สนใจทำประกัน ติดต่อ: @prakan4u
สมัครสมาชิก ได้ส่วนลดเบี้ยประกันตลอดชีพ ลิงก์ใบสมัครออนไลน์ >> https://bit.ly/3ABrQJr

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้