การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง หมายถึง การประกันภัยที่คุ้มครองความสูญเสียหรือความเสียหายต่อเรือและทรัพย์สินหรือสินค้าที่อยู่ในระหว่างการขนส่งทางทะเล และยังขยายขอบเขตความคุ้มครองไปถึงความเสียหายขณะขนส่งสินค้าทางอากาศ ทางบก หรือทางรถไฟ ซึ่งต่อเนื่องกับการขนส่งทางทะเลด้วย
การประกันภัยสินค้าระหว่างการขนส่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งโดยวิธีใดมักจะเรียกรวมกันว่าการประกันภัยขนส่งสินค้าทางทะเล ซึ่งการทำประกันภัยขนส่งสินค้านั้นจะใช้กรมธรรม์ประกันภัยขนส่งทางทะเลในการรับประกันภัยทั้งสิ้น แม้ว่าสินค้านั้นจะบรรทุกโดยทางรถยนต์ หรือทางอากาศก็ตาม
ภัยที่คุ้มครองและเงื่อนไขความคุ้มครองในกรมธรรม์ 1. ภัยทางทะเล (Peril of the sea) ภัยที่เกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าได้ อาจเกิดจากภาวะผิดปกติของคลื่นลมในทะเลตามธรรมชาติ หรืออุบัติเหตุจากการสัญจรทางทะเล เช่น ภัยจากพายุ, มรสุม, เรือจม, เรือชนกัน, เรือเกยตื้น หรือเรือชนหินโสโครก
2. อัคคีภัย (Fire) ความเสียหายที่เกิดจากเพลิงไหม้ ภัยระเบิด ฟ้าผ่า หรือเกิดจากการลุกไหม้ของปฏิกิริยาเคมีตามธรรมชาติของสินค้า
3. การทิ้งทะเล (Jettisons) ภัยที่เกิดจากการนำเอาสิ่งของหรือสินค้าในเรือทิ้งลงทะเล เพื่อให้เรือเบาลง ช่วยให้เรือพ้นจากภัยทางทะเล และสามารถเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางได้โดยปลอดภัย
4. โจรกรรม (Thieves) ภัยที่เกิดจากการโจรกรรมโดยโจรสลัด ซึ่งมีการกระทำอย่างรุนแรงด้วยการใช้กำลัง เพื่อช่วงชิงทรัพย์หรือสินค้าที่ทำการขนส่ง
5. การกระทำโดยทุจริตของคนเรือ (Barratry) ภัยที่เกิดจากการกระทำโดยมิชอบของคนเรือ มีเจตนากลั่นแกล้งทุจริต ตั้งแต่นายเรือจนถึงลูกเรือในอันที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินหรือสินค้าที่ทำการขนส่งในเรือ ซึ่งการกระทำนั้นเจ้าของทรัพย์ต้องไม่มีส่วนรู้เห็นเป็นใจ
6. ภัยอื่นๆ (Other Peril) ภัยที่นอกเหนือจากข้อ 1-5 ซึ่งผู้เอาประกันภัยต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมจะต้องชำระเบี้ยประกันภัยในอัตราที่สูงขึ้น เช่น ต้องการความคุ้มครองภัยสงครามเพิ่มเติม** เป็นต้น
**Special Hazard Policy หมายถึง กรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษ ซึ่งโดยปกติกรมธรรม์จะไม่ให้ความคุ้มครองไว้ ได้แก่ ภัยสงคราม การนัดหยุดงาน การจลาจล และการวุ่นวายในประเทศ หากต้องการให้มีความคุ้มครองภัยเหล่านี้ ผู้เอาประกันภัยจะต้องตกลงกับบริษัทก่อนทำสัญญา โดยเสียเบี้ยประกันสำหรับภัยเหล่านี้เพิ่มเติม สำหรับภัยสงคราม (War) จะให้ความคุ้มครองเฉพาะเมื่อสินค้าอยู่บนเรือ และให้ความคุ้มครองเพิ่มอีก 15 วัน ณ ท่าปลายทาง หลังจากเรือสินค้ามาถึง หากไม่สามารถขนถ่ายสินค้าลงได้
แบบกรมธรรม์ประกันภัยทางทะเลและขนส่งแบบกรมธรรม์ประกันภัยทางทะเลที่ใช้กับธุรกิจประกันภัยในประเทศต่างๆ ทั่วโลก มีข้อกำหนดเงื่อนไขความคุ้มครอง 2 รูปแบบ คือ แบบ S.G. Form และ แบบ MAR Form
ความคุ้มครองแบบ S.G. FormS.G. Form (Ship and Goods) เป็นความคุ้มครองการประกันภัยทางทะเลแบบเดิมที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1779 มีอยู่ 3 แบบ ดังนี้
1.1 แบบเงื่อนไข F.P.A (Free of Particular Average)
การประกันภัยตามเงื่อนไขนี้ให้ความคุ้มครองแคบที่สุด โดยบริษัทประกันภัยจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะเมื่อสินค้าได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิง (Total Loss) เท่านั้น ถ้าสินค้าได้รับความเสียหายเพียงบางส่วน (Partial Loss) จะไม่ได้รับการชดใช้
1.2 แบบเงื่อนไข W.A (With Average)
การประกันภัยตามเงื่อนไขนี้ให้ความคุ้มครองความเสียหายโดยสิ้นเชิง และความเสียหายบางส่วนด้วย แต่ความเสียหายบางส่วนนี้จะต้องไม่ต่ำกว่า 3% ของมูลค่าทรัพย์สินที่เอาประกันภัย
1.3 แบบเงื่อนไข All Risks
เป็นเงื่อนไขความคุ้มครองที่กว้างที่สุด ให้ความคุ้มครองความเสียหายทั้งความเสียหายสิ้นเชิง และความเสียหายบางส่วน โดยไม่จำกัดเปอร์เซ็นต์ความสูญเสีย อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขความคุ้มครองแบบนี้ จำกัดความเสียหายทางกายภาพต่อสินค้าเท่านั้น และสาเหตุต้องมาจากเหตุการณ์ภายนอก ความเสียหายที่เกิดจากลักษณะอันเป็นการเสื่อมสภาพของตัวสินค้าเอง เช่น ผัก ผลไม้ที่บูดเน่าเองตามธรรมชาติ จะไม่ได้รับความคุ้มครอง นอกจากนี้แล้ว การล่าช้า และการสูญเสียตลาด (เช่น เรือใช้เวลาเดินทางนานผิดปกติกว่าจะถึงปลายทาง ทำให้สินค้าราคาตก เมื่อถึงปลายทาง เพราะไม่ทันกับฤดูการขาย เป็นต้น) ก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง
ความคุ้มครองแบบ MAR Form การประกันภัยขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ให้ความคุ้มครองความสูญเสีย หรือเสียหายของสินค้าที่ขนส่งตั้งแต่เริ่มออกจากต้นทาง จนกระทั่งสิ้นสุดเมื่อนำส่งสินค้าไปยังผู้รับมอบปลายทาง ตามเงื่อนไขสัญญาซื้อขาย (Incoterms) โดยต้องเกิดจากภัยที่ได้ระบุ